บทที่ 471 ปราสาทตติยเทพ

ผู้อาวุโสหอประจิมทนไม่ไหวแล้ว เดิมทีนิกายพวกเขาไม่มีใครได้เข้าไปสักคน ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้กลับมีคนไม่รู้จักกาลเทศะปรากฏตัว จะไม่ให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้ยังไง

“พวกหอประจิม แกนึกว่าตัวเองเป็นใครไม่ทราบ ทำไม ไม่พอใจงั้นเหรอ หรือว่าการที่พวกเราปราสาทตติยเทพไม่ได้ออกมานานจะทำให้พวกแกลืมไปหมดแล้ว!” หลังสิ้นสุดประโยคนี้ เหล่ายอดยุทธก็พากันขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด และต่อมาพวกเขาก็ต้องเบิกตาโพล่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งร่างกายยังสั่นเทาไปหมด!

พวกเขานึกถึงเรื่องเล่าตำนานเกี่ยวกับปราสาทตติยเทพ! แท้จริงแล้วปราสาทตติยเทพนั้นไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้! เพราะว่าที่อยู่อาศัยหลักของพวกเขาอยู่ในอวกาศ ที่อวกาศนี้นั้นมีทางเชื่อมโยงกับโลกอยู่ทางหนึ่ง ดังนั้นทุก ๆ 500 ปีคนจากปราสาทตติยเทพจะปรากฏตัวขึ้นบนโลก

เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็ค่อย ๆ ลืมเลือนคนจากปราสาทตติยเทพ พวกเขากลายเป็นเหมือนกับตำนาน! พลังวรยุทธ์ของคนจากปราสาทตติยเทพนั้นล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งหาที่ใดเปรียบ! ลูกศิษย์ของพวกเขาทุกคนที่ออกมานั้นล้วนแล้วแต่ไร้เทียมทานทุกครั้งที่เดินทางมาที่นี่

ปราสาทตติยเทพจะมีการแบ่งปราสาทเป็นสามแห่ง ได้ยินมาว่าปราสาทแรกมีชื่อว่าปราสาทเซียน ปราสาทแห่งนี้มีลูกศิษย์เป็นผู้หญิงทุกคน ซึ่งพวกเธอแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีใบหน้าสวยราวกับนางฟ้า! ปราสาทที่สองเรียกว่าปราสาทเทพมาร ปราสาทนี้เป็นปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุด ได้ยินมาว่าผู้คนตายภายใต้น้ำมือของพวกเขามากมายนับไม่ถ้วน!

ส่วนปราสาทที่สามเรียกว่าปราสาทร้อยวิญญาณ! ได้ยินมาว่าพวกเขาคือชนรุ่นหลังที่ยังมีชีวิตอยู่ของเผ่าเฝ่ย ซึ่งถ้าคนจากปราสาทตติยเทพออกมาล่ะก็ บนโลกใบนี้คงไม่มีใครรับมือกับพวกเขาได้ไหวแน่! โชคดีที่บนโลกใบนี้นั้นมีกฎจำกัดพลัง ทำให้พวกเขาใช้พลังได้ไม่เต็มที่นัก และแม้จะบอกว่าปราสาทตติยเทพแข็งแกร่งมาก แต่ที่โลกก็มี 5 ปราสาทเทพเช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะเป็นปราสาทตติยเทพหรือว่า 5 ปราสาทเทพ พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ทำอะไรมากมายที่โลกนัก! อีกทั้งพวกเขาทั้งสองก็คล้ายจะมีสัญญากัน ดังนั้นเลยไม่ได้มาบนโลกตามอำเภอใจ! นอกจากนี้คนของปราสาทตติยเทพก็ไม่ได้ปราฏตัวบนโลกมากว่า 1,000 ปีแล้ว!

ใครจะไปคิดว่าปราสาทตติยเทพที่ไม่ได้ปรากฏตัวเลยตลอด 1,000 ปีจะมาปรากฏตัวที่นี่! เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนไม่อยากจะเชื่อ ทุกคนรู้ว่าเมื่อปราสาทตติยเทพปรากฏตัวจะต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างแน่นอน! เกรงว่าการไปต่างมิติของพวกเขาในครั้งนี้จะไม่ราบรื่นซะแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้เหล่ายอดฝีมือก็พากันสงสัย ว่าคนจากปราสาทตติยเทพมาปรากฏตัวที่นี่ทำไม! ขณะที่พวกเขาคิดหาเหตุผล 108 อยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดแสงสว่างขึ้นที่กลางอากาศ หลังจากนั้นก็ปราฏเงาร่างลึกลับขึ้น!

เงาร่างเหล่านั้นแท้จริงแล้วก็คือผู้อาวุโส 3 คน ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้อาวุโสที่นำคนจากปราสาทตติยเทพมา ส่วนคนที่ตามชายชราทั้ง 3 ก็ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ที่อายุน้อย ๆ ทั้งนั้น ซึ่งพวกเขาก็พาคนมาไม่เยอะ มีเพียง 6 คนเท่านั้น! แต่ทว่ามันก็เป็น 6 คนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างมาก

ฉู่เหินสังเกตสักพักก็พบว่าพลังวรยุทธ์ของทั้ง 6 คนนั้นเป็นขั้นจักรพรรดิดาราระดับสูงสุดทั้งสิ้น! เท่านี้ก็รู้แล้วว่าพลังวรยุทธ์ของปราสาทตติยเทพรุ่นเยาว์ต่างก็ไม่ธรรมดา

ทั้ง 6 คนสวมชุดสีขาวและพัดไว้ในมือ คำพูดเมื่อครู่ก็ออกมาจากพวกเขานั้นแหละ เพราะตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ราวกับไม่เห็นพวกเขาในสายตา ทำให้ฉู่เหินสะอิดสะเอียน!

“ที่จริงแล้วพวกเรามาที่นี่เพื่อหาตัวคนทรยศเท่านั้น ถ้าไม่รบกวนอะไรล่ะก็ขออย่าได้ถือสา!” เดิมพวกเขาเกือบจะทนไม่ไหว ว่าจะลองสู้ดูสักตั้ง แต่เมื่อได้ยินผู้อาวุโส 1 ใน 3 คนพูดขึ้นก็พากันหยุดชะงัก

พอได้ยินคำพูดที่ดูเกรงใจนั้น แม้แต่เหล่ายอดยุทธก็ไม่อยากจะเชื่อ! เมื่อสังเกตพลังวรยุทธ์ของชายชราเหล่านั้น พวกเขาก็พบว่ามันคล้ายจะเกินขั้นปราชญ์ดาราไปแล้ว! คนแบบนี้กลับมีมารยาทอย่างน่าเหลือเชื่อ ทางด้านวัยรุ่นชุดขาวเอง เมื่อพวกเขาได้ยินคำดังกล่าวก็พากันขมวดคิ้วแน่น

“ผู้อาวุโส ด้วยความสามารถของพวกเราปราสาทตติยเทพไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับคนพวกนี้เลย” สายตาของชายชุดขาวเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม!

“ทำไม แกเก่งมากหรือไง อย่าคิดว่าพลังวรยุทธ์ตัวเองจะมากกว่าคนอื่นแล้วว่าดูถูกคนอื่นแบบนี้นะเว้ย อยากรู้จริงว่าวัน ๆ แกกินอะไรเข้าไป อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนเวลาฝึกฝนพลัง ปีนี้แกอายุเท่าไร การได้กลายเป็นอัจฉริยะอายุ 30 ปี ขั้นจักรพรรดิดาราระดับสูงสุด หรือว่าแค่นี้แกพอใจแล้ว ? หัดรู้สึกละอายเสียบ้าง!”

ชายชราคนนั้นเมื่อได้ยินก็โมโห เขาพูดสวนพร้อมกับจ้องชายหนุ่มชุดขาวเขม็ง แต่ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจก็คือชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด กลับพูดต่อว่า

“การแข่งขันเมื่อกี้แกได้ที่ 3 สินะ ฉันจะแข่งกับพวก 30 อันดับแรกพร้อมกันเป็นไง ถ้าทำให้ฉันแพ้ก็ถือว่าพวกนายชนะ! แต่ถ้าพวกนายแพ้ก็ถือว่าพวกนายเก่งแต่เห่าไปวัน ๆ!”

คำพูดลำพองเมื่อครู่ที่หลุดออกไปของชายหนุ่มชุดขาวแทงหูทุกคนอย่างรุนแรง พวกเขาต่างก็จ้องชายหนุ่มคนนั้นด้วยความโกรธ! ทว่าทุกคนรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นขั้นจักรพรรดิดาราระดับสูงสุด เดิมพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว เลยได้แต่เก็บความโกรธไว้ภายในไม่กล้าพูดออกไป!

ตามหลักการแล้วถ้าไม่มีใครรับคำท้าคุณก็ควรถอยไปสิ ทว่าชายหนุ่มกลับไม่มีความคิดจะถอยเลยสักนิด เขากลับเอาแต่พูดท้าทายคนเดียวอยู่อย่างนั้น

“ทำไม มดปลวกอย่างพวกแกแม้แต่ความกล้าจะสู้ยังไม่มีเลยงั้นเหรอ ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นพวกแกทุกคนก็เข้ามาพร้อมกันเป็นไง!” เขาพูดอย่างลำพองใจอีกครั้ง พร้อมทั้งปล่อยเสียงหัวเราะออกมา!

ตอนที่ไม่มีใครสังเกต กลับมี 1 ใน 30 อันดับแรกคนหนึ่ง เขาคนนี้ไม่ยอมอยู่ข้างหน้า หากทว่ากลับหลบไปยืนข้างหลังของฝูงคนด้วยความหวาดกลัวอะไรสักอย่าง!

“ในเมื่อพวกแกไม่กล้า งั้นฉันขอลงมือก่อนล่ะนะ!” อะไรที่เรียกว่าบีบบังคับ นั่นก็คือสิ่งที่ชายชุดขาวคนนี้กำลังทำอยู่ ตอนที่ทุกคนถอย เขากลับก้าวเข้ามาเพื่อบีบบังคับ การกระทำดังกล่าวทำให้ในหน้าของทุกคนพากันย่ำแย่จนดูไม่ได้!

“อามิตตาพุทธ แม้ว่าอาตมาจะไม่ใช่คู่มือของโยม แต่ในเมื่อโยมบีบบังคับคนแบบนี้ งั้นพวกเราก็จะไม่อยู่เฉยอีกแล้ว!” สิ้นเสียง พระวัดหยูฟ่อซานก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า พร้อม ๆ กับปล่อยลมปราณทั้งหมดของตัวเองออกมา! ทุกคนโดยรอบต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวของพระรูปนี้ที่มีขั้นพลังเป็นถึงจักรพรรดิดาราระดับกลาง!

“กับอีแค่จักรพรรดิดาราระดับกลางคนหนึ่ง แต่กล้าโอหังต่อหน้าฉันงั้นเหรอ ดูสิว่าฉันจะฆ่าแกยังไง!” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็โบกพัดในมือครั้งหนึ่ง เพียงการกระทำเดียวเท่านั้น กลับสามารถทำให้เกิดพลังมหาศาลได้แล้ว

ทันทีที่เขาขยับมือ ทุกคนก็เห็นว่ามือข้างนั้นจู่ ๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ใหญ่กว่า 10 เมตรแล้ว! ใหญ่แบบนี้ยังจะเรียกว่ากำปั้นคนได้อีกเหรอ มันไม่ต่างกับภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่ง ทั้งยังปล่อยแสงสีม่วงออกมาด้วย!

แม้ว่าพระรูปนั้นจะไม่ได้อยู่ใกล้กับกำปั้นนี้เลย แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่ากำปั้นนั่นอันตรายขนาดไหน! พอพระรูปนั้นเห็นฉากนี้เขาก็ถอยหนีออกมาทันที ซึ่งมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ศิษย์พี่ของเขาก้าวออกมาช่วย พวกเขาสัมผัสได้เลยว่าความสามารถของรุ่นน้องเขารับกำปั้นไม่ได้แน่ ๆ เพราะแบบนี้พวกเขาทั้ง 5 คนเลยกางค่ายกลวิทยาราชทั้งห้า*เพื่อรับกำปั้นที่ว่า

*วิทยาราชทั้งห้า พระผู้คุ้มครองทั้งห้าในนิกายชินงน เป็นผู้ปกป้องพระธยานิพุทธะ

ต่อมาก็เห็นเพียงค่ายกลวิทยาราชทั้งห้าที่ปรากฏขึ้น พวกเขาพากันแยกยืนคนละฝั่ง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งห้าก็วางมือเพื่อโคจรพลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานก็ปรากฏพระพุทธรูปขนาดใหญ่กว่า 10 เมตร! ทันทีที่พระพุทธรูปปรากฏขึ้น กำปั้นยักษ์ที่กำลังเข้ามานั่นก็พลันถูกปัดออกไปด้วยมือข้างเดียวของพระพุทธรูปยักษ์

เพียงชั่ววินาทีที่ทั้งสองปะทะกันก็เกิดเสียงดังกัมปนาท! จนทำให้บางคนที่พลังต่ำหูดับไปเลย ส่วนคนที่พลังระดับเดียวกัน หูของพวกเขาก็เหมือนจะได้ยินเสียงฟ้าผ่า! จนในหูก็ได้ยินแต่เสียงดังวิ้ง ๆ ไม่หยุด

Got an error? Report now
Comments

Comments

แสดงความคิดเห็น